ฝึกเด็กๆเป็นนายแบบ/นางแบบ ไม่ยากอย่างที่คิด
นายแบบ นางแบบ อีกหนึ่งอาชีพในความฝันของเด็กๆที่หลายคนนั้นมีความหวังเอาไว้ว่าเมื่อโตขึ้นแล้วก็อยากจะเป็นได้ทั้งนางแบบและนายแบบ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้เหมือนกันหมด ห้องสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาทักษะและพรสวรรค์
ถ้าคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ไม่เพียงพอ สิ่งเดียวที่จะพัฒนาได้นั่นก็คือทักษะที่มี โดยเฉพาะทักษะเมื่อกลายเป็นคนหน้ากล้อง ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสอนกันได้ เพราะฉะนั้นแล้วต้องให้คนที่รู้จักกับตัวเด็กดีที่สุดเป็นผู้สอน ซึ่งแน่นอนว่านั่นก็คือพ่อกับแม่นั่นเอง แต่ประเด็นคือจะสอนอย่างไรแล้วถึงจะได้อย่างที่ต้องการ เทคนิคและวิธีก็ไม่ได้ยากนั้นมาดูกัน….
ภาษาของเด็ก
พ่อแม่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าลูกของตัวเองนั้นจะต้องมีวิธีการพูดหรือมีภาษาเป็นของตัวเองแบบไหน ภาษาที่เด็กใช้คุยกันนั้นก็จะเป็นหนึ่งในการเชื่อมโยงพ่อแม่เข้ากับเด็กทำให้เวลาต้องการที่จะถ่ายรูปนั้นสามารถที่จะถ่ายได้ง่ายขึ้น จริงๆภาษาของเด็กที่ว่านั้นอย่างนึงคือหมายถึงการพูดคุยเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเด็กแต่ละคน นั่นจะทำให้มองเห็นมุมมองในการใช้ชีวิตของเด็กมากขึ้น และการสื่อสารโดยใช้ภาษาของเด็กนอกจากจะทำให้เข้าใจในตัวเด็กมากขึ้น ยังรู้ด้วยว่าสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อออกมาให้เห็นนั้น คืออะไร? และเป็นแบบไหน?
ใช้ความเป็นธรรมชาติ
ถ้าหากว่าเคยมีโอกาสได้ย้อนดูรูปของตัวเองในสมัยเด็กๆสิ่งที่คงจะเห็นกันได้ชัดที่สุดแล้วก็คงจะเป็นเรื่องที่ว่าทำไมเวลาตอนนั้นที่โพสต์แล้วรูปที่ได้ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ เรียกว่าอาจจะดูโตเกินกว่าเด็กด้วยซ้ำไป มันก็เป็นเพราะว่าทุกครั้งเวลาที่กำลังจะถูกพ่อแม่ถ่ายรูปส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการบอกให้พยายามโพสท่าหรือพยายามทำตามที่บอกไว้
ถ้าหากว่าไม่อยากให้เหตุการณ์กลับไปซ้ำรอยแบบเดิมๆ แนะนำว่าเวลาที่กำลังจะถ่ายรูปเด็กๆนั้นให้พยายามเลือกจังหวะหรือมุมที่ถ่ายออกมาแล้วเด็กดูจะมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งก็จะทำให้เป็นภาพที่ดูมีทั้งความเป็นธรรมชาติและความสวยงามในตัวเอง
พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าถ้าหากอยากจะส่งให้ลูกเป็นนายแบบหรือนางแบบอย่างที่ต้องการสิ่งที่สามารถทำได้คือพยายามที่จะส่งไปเข้าคอร์ส แต่จริงๆแล้วไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นเสมอไป เพราะเราใช้วิธีแบบง่ายเริ่มการเรียนรู้แบบธรรมชาติให้กับเด็ก ดูจะเป็นทางเลือกสำหรับการพัฒนาที่เป็นไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น
และอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะรู้คือไม่ควรที่จะบังคับเด็กมากเกินไป เพราะจริงๆแล้วการถ่ายรูปจะต้องใช้อินเนอร์หรือความรู้สึกภายในเป็นการสื่อสารที่ดีที่สุดให้กับเด็กๆ