ทำความเข้าใจการเรียนสำหรับเด็ก คล้ายกับการขับรถอย่างไร
การเปรียบเทียบการศึกษษในปัจจุบันก็เท่ากับการขับรถ ที่ผู้ขับเคลื่อน = เด็ก และครูสอนขับรถ = คุณครูและผู้ปกครอง แต่หน้าที่ๆเกิดขึ้นมักจะต้องดอยู่ในการดูแลของผู้ปกครองมากกว่า เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุด และเป็นตัวอย่างได้ในหลายๆเรื่อง
หลายครั้งปัญหาด้านการเรียนที่สามารถพบเจอได้บ่อยๆ ลามะเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกช่วงวัยจนกลายเป็นข้อเปรียบเทียบที่เห็นภาพที่ชัดเจน ระหว่างกลุ่มเด็กหน้าห้องและเด็กหลังห้อง เป็นการแยกฝ่ายให้เห็นได้ชัดเจนว่ามีปัญหาบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อด้านการศึกษาโดยตรง เพราะฉะนั้นแล้วก็มีตัวเลือกอย่างที่ผู้ปกครองควรต้องรู้เอาไว้ ในการพัฒนาให้เด็กได้เข้าใจกับการขับรถมากขึ้น
การเรียน : การขับรถ
อาจจะดูเป็นเรื่องที่ไม่น่ามาเกี่ยวข้องหรือเข้ากันได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วถือเป็นการเปรียบเทียบที่ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น การเรียนก็เหมือนการที่เด็กๆได้เข้าใจมากขึ้นว่าสามารถช่วยพัฒนาและทำให้ก้าวไปข้างหน้าได้มาก ก็คล้ายๆกันกับการขับรถที่สามารถพาไปข้างหน้าหรือพาไปให้ถึงจุดหมายอย่างที่ต้องการ เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับเด็กก็เหมือนกับการควบคุมรถโดยทั่วไป แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รถขนาดไม่สามารถควบคุมได้ ความสนใจหรือความต้องการที่อยากจะขัดต่อก็จะไม่เกิดขึ้น
เหมือนกันกับการเรียนถ้าหากมีความรู้สึกว่าการเรียนในตอนนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลดี หรือไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้ การเลือกที่จะปฏิเสธในการเรียนก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้สำหรับเด็กในยุคปัจจุบัน
การเรียน : พัฒนาต่อไปอย่างไร
และเพื่อให้เด็กที่เป็นเหมือนกับผู้ที่คอยขับเคลื่อนรถยนต์ รู้สึกดีและพร้อมที่จะเรียนต่อไป หมายความว่าผู้ปกครองเองก็จะต้องคอยสนับสนุนและส่งเสริม โดยที่ไม่จำเป็นต้องเน้นเพียงแค่การเรียนด้านวิชาการในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว มีทางเลือกมากมายที่พร้อมให้เด็กได้เรียนรู้และสามารถนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ คือ การเรียนรู้นอกห้องเรียนด้วยคอร์สเรียนหรือกิจกรรมนอกหลักสูตรต่างๆ โดยจะทำให้พัฒนาการเรียนรู้ของเด็กได้มากขึ้น
หรือถ้าจะให้ดีการลองให้เด็กได้เลือกหลักสูตรและการเรียนรู้ในรูปแบบนอกห้องเรียน ก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการเอามาพัฒนาในการเรียนให้กับเด็กได้มากขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่สนใจและต้องการที่จะศึกษาจริงๆ
เพราะฉะนั้นหากเข้าใจแล้วก็ควรจะต้องโดนด้วยรูปแบบที่คล้ายกับการขับรถ โดยเด็กจะต้องสามารถควบคุมการเรียนรู้ต่างๆได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดผลประโยชน์มากที่สุดและเป็นเรื่องดีต่อการที่จะพัฒนาทักษะด้านอื่นๆที่นอกเหนือจากการเรียน ให้สามารถใช้งานกับภาษาอื่นในสังคมได้อีกมาก ถ้าหากอยากจะเริ่มต้นแค่ลองมองย้อนกลับไปแล้วถามเด็กตรงๆว่าอยากเรียนอะไรหรือมีความชอบแบบไหน เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจตรงกันมากที่สุด